ลดน้ำหนักหนึ่งเดือนได้กี่กิโล

ลดน้ำหนักหนึ่งเดือน หลายคนอาจจะเคยเห็นการลดน้ำหนักได้เดือนละ10-20กิโลเราอาจจะสงสัยว่าคนเราลดน้ำหนักได้เดือนละกี่กิโลกันแน่นเอาแบบปลอดภัยไม่กลับมาอ้วนอีกและที่จริงแล้วคนเราเอาแค่น้ำหนักตัวเร็วก็อาจจะได้แต่ถ้าเกิดลดเร็วเกินไปแล้วมันกลับมาอ้วนใหม่ลดเร็วเกินไปแล้วเรากลับบมาป่วยหรือว่าเราลดเร็วไปแล้วเราเสียมวลกล้ามเนื้อ

เราก็คงจะไม่อยากลดใช่ไหมแล้วสูตรที่เขาลดเร็วๆเขาทำอะไรกันบ้างที่แคยเห็นทั่วไปก็คือคุมอาหารเข้งมากไม่ว่าจะเป็นการตัดแป้งหรือว่าตัดข้าวเย็นมีกฎเกณฑ์หลายอย่างยิ่งมีกฎเยอะก็ยิ่งเคร่งครัด ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการกิน 

นอกจากนี้เรื่องของการออกกำลังกายปกติสูตรลดน้ำหนักเร็วๆอาจจะออกำลังกายค่อนข้างเยอะหรือว่าอาจจะออกกำลังกายนานาๆจนทำให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงใช้ร่างกายของเรา และ อาจจะมีตัวช่วยบางอย่างที่เขาพยายามจะขายให้กับคุณพร้อมบอกว่าทำแล้วน้ำหนักลดเร็วทั้งหมดตัวแปลเหล่านี้

มักจะทำให้เกิดน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงระยะสั้นที่เขาเอามาโฆษณาให้เราตัวช่วยบางอย่างมันทำให้เราขับถ่าย ขับถ่ายเยอะขึ้นเสียเหงื่อเยอะขึ้นมันก็ไม่แปลกที่สิ่งแรกที่หายไปก็คือน้ำในร่างกายของเรานั่นเองในร่างกายของเรามีน้ำอยู่ประมาณ60-70%

โดยน้ำในร่างกายที่มันหายไปมันไม่ใช่ไขมันดังนั้นถึงน้ำหนักจะลดไปตั้งแต่แรกเยอะเท่าไหร่เราก็ไม่ต้องไปดีใจเพราะว่ามันเป็นแค่น้ำทีนี่สิ่งต่อไปที่จะต้องรู้คือในหลักสากลไม่ว่าจะเป็นคอร์สสอนหรือเว็บไซค์ที่ให้ข้อมูลต่างๆพวกนี้รู้หรือไม่ว่าไม่มีที่ไหนแนะนำให้เราลดเร็ว

สาเหตุที่เขาไม่แนะนำให้เราลดน้ำหนักเร็วๆว่ามันเป็นน้ำหนักน้ำซึ่งก็ไม่รู้จะลดเร็วไปเพื่ออะไรพอน้ำหายไปปัญหาที่มันจะตามมาก็คืออาจจะเกิดสภาวะขาดน้ำได้หรืออาจจะเกิดจากสภาวะที่ขาดวิตามินและเกลือแร่ได้พูดง่ายๆมันทำให้สมรรถภาพในร่างกายถอยลง

กลายเป็นว่านำหนักลดแล้วยิ่งโทรมแล้วอาจจะทำให้สุขภาพเสื่อมเสียได้ดังนั้นเวลาเราหาในอินเตอร์เน็ตเอาแบบที่มันน่าเชื่อถือได้หรือคอร์สที่น่าเชื่อถือต่างๆเขาจะบอกว่าควรจะลดโดยประมาณ0.5กิโลหรือ1กิโลต่อสัปดาห์โดยคนเราจะลดได้0.5หรือ1กิโลต่อสัปดาห์มันจะต้องกินให้ได้น้อยกว่าใช้

เมื่อเราทำต่อเนื่องไปแล้วร่างกายมันก็จะดึงเอาไขมันสะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้เราค่อยๆลดไขมันสะสมของเราสิ่งที่เราจะต้องย้ำคือ0.5-1กิโลต่อสัปดาห์แต่ละคนจะลดได้ไม่เท่ากันแล้วอีกอย่างหนึ่งคือแต่ละช่วงเราก็ลดได้ไม่เท่ากันเช่นกัน

เรื่องนี้ถูกเขียนใน สุขภาพ และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร