ผลดีและผลเสียของการกินขนมขบเคี้ยว 

ขนมขบเคี้ยว (Crispy snack) เป็นขนมที่มีลักษณะกรอบ และมักจะมีลักษณะที่แห้ง เช่น ขนมปังที่อบกรอบ ขนมที่ทำจากแป้งที่กรอบหรือทำให้มีลักษณะกรอบเมื่อกิน เช่น ขนมที่ทำจากแป้งข้าวโพดหรือแป้งข้าวโพดที่ทำให้มีความกรอบ ขนมขบเคี้ยวที่มีขายอยู่ในประเทศไทยนั้นมีมากมายหลายแบรนด์หลายยี่ห้อและหลากหลายรูปแบบเป็นอย่างมาก

และที่สำคัญคนไทยชื่นชอบกากินขนมขบเคี้ยวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มาดูกันว่าผลดีและผลเสียที่เราจะได้รับหากเรากินขนมขบเคี้ยวเข้าไปนั้นมีอะไรบ้าง 

การกินขนมขบเคี้ยวนั้นมีผลดีหลายประการดังนี้:

  1. สะดวกและรวดเร็ว: ขนมขบเคี้ยวเป็นอาหารที่สะดวกต่อการกินและไม่ต้องใช้เตาอบหรืออุปกรณ์พิเศษในการเตรียม.
  2. ช่วยปรับสมดุลการทานอาหาร: การกินขนมขบเคี้ยวสามารถช่วยให้รู้สึกสนุกสนานในการกินอาหารและเพิ่มความอร่อยให้กับมื้ออาหาร.
  3. บางชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพ: บางขนมขบเคี้ยวอาจมีส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ขนมข้าวโพดที่มีใยอาหารสูง หรือผลไม้แห้งที่มีเส้นใยและวิตามินมากมาย.
  4. ทานได้ตามใจชอบ: มีหลากหลายรสชาติและชนิดให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย.
  5. สามารถเป็นเบเกอรี่แก้ว: ขนมขบเคี้ยวบางชนิดสามารถเป็นเบเกอรี่ที่ให้ความรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินในการรับประทานได้ดี

การกินขนมขบเคี้ยวนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนุกและเพลิดเพลินต่อการทานเป็นอย่างมาก

การกินขนมขบเคี้ยวอาจมีข้อเสียบางอย่างได้แก่:

  1. เสี่ยงต่อสุขภาพช่องปากและฟัน: การกินขนมขบเคี้ยวบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดปัญหาเช่น สภาวะฟันผุ การกัดกร่อนช่องปาก หรือเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุและโรคเหงือกเสื่อม.
  2. ปริมาณน้ำตาล: ขนมขบเคี้ยวมักมีปริมาณน้ำตาลสูง การบริโภคมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและอ้วน.
  3. สารเคมีที่ใช้ในการผลิต: บางชนิดของขนมขบเคี้ยวอาจมีสารเคมีที่ใช้เพื่อรสชาติหรือความหอมหวาน ซึ่งอาจมีผลเสียต่อร่างกายหรือสุขภาพในระยะยาว.
  4. เสี่ยงต่อการเป็นแคลอรี่เกิน: บางประเภทของขนมขบเคี้ยวมักมีแคลอรี่สูง การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนหรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก.
  5. เสี่ยงต่อการนิยมอาหารไม่ดี: การกินขนมขบเคี้ยวอาจทำให้เน้นการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกาย เช่น การละเลยการบริโภคผักผลไม้หรืออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย.

การบริโภคขนมขบเคี้ยวนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องห้าม แต่ควรระมัดระวังในปริมาณและความถี่ของการบริโภค เพื่อปรับให้เหมาะสมกับการดูแลสุขภาพทั่วไปของร่างกายด้วยนะคะ.

 

สนับสนุนโดย      ตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาหูตึง

เรื่องนี้ถูกเขียนใน สุขภาพ และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร