ผลเสียของการปล่อยให้ตัวเองอ้วน 

คำว่า “อ้วน” นั้นมักจะไม่ได้ถูกกำหนดโดยตัวเลขของน้ำหนักเพียงอย่างเดียว เนื่องจากน้ำหนักที่ถือว่าอ้วนหรือไม่อ้วนมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ส่วนสูง โครงสร้างกาย และสัดส่วนระหว่างกล้ามเนื้อและไขมัน เป็นต้น

โดยทั่วไปแล้ว การอ้วน จะมีการกำหนดเกณฑ์โดยองค์กรสาธารณสุขโลก (WHO) ว่าผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 25 ถือเป็น “อ้วน

 

การอ้วนมีข้อเสียหลายประการที่สามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตได้ดังนี้

  1. โรคเบาหวานและโรคหัวใจ: การอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจ เนื่องจากมีการสะสมไขมันในเลือดและเสี่ยงการเกิดความดันโลหิตสูง ซึ่งสามารถทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้ง่ายขึ้น.
  2. โรคมะเร็ง: การอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเป็นโรคมะเร็งบางประการ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากมีการสะสมไขมันในร่างกายที่เพิ่มฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งได้.
  3. โรคตับอ้วน: การสะสมไขมันในตับอาจทำให้เกิดโรคตับอ้วน ซึ่งเป็นสภาวะที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับและสามารถทำให้เกิดภาวะตับเรื้อรังได้.
  4. ปัญหาทางจิตเวช: การอ้วนอาจมีผลต่อสภาพจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้าและความเครียด เนื่องจากความไม่พอใจต่อรูปร่างและน้ำหนักของตนเอง.
  5. ปัญหาทางสังคมและความเป็นอยู่: การอ้วนอาจทำให้เกิดความกังวลและความไม่สบายใจในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การไปงานสังสรรค์หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก.
  6. การซึมเศร้าและปัญหาการนอน: การอ้วนสามารถทำให้เกิดปัญหาการนอน เช่น อาการตีบตันในระหว่างนอน และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า.

การอ้วนมีผลกระทบต่อสุขภาพที่หลากหลายและสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งทางกายและจิตใจ ดังนั้นการดูแลรักษาน้ำหนักให้เหมาะสมและการรักษาสุขภาพอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงนี้ลงไปได้

การดูแลสุขภาพสำหรับคนที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมี ผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจได้โดย  ผู้สูงอายุควรใช้เครื่องช่วยฟังแบบไหน   ตรง นี่คือบางเคล็ดลับที่สามารถช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม:

  1. ลดปริมาณอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูง และเพิ่มผักผลไม้ที่มีใยอาหารเข้าไปในอาหารของคุณ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก เช่น อาหารที่มีโปรตีนมาก เส้นใยสูง และไขมันไม่อิ่มตัว
  2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันในร่างกาย และเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ควรทำกิจกรรมทางกายที่ชอบ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน
  3. ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำตามที่แพทย์แนะนำ เช่น การตรวจความดันเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด และการตรวจคัดกรองโรคต่างๆ เพื่อป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวกับน้ำหนัก
  4. ควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่รับประทานในแต่ละวัน โดยการติดตามปริมาณแคลอรี่ที่คุณบรรลุในแต่ละวันจะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับอาหารที่คุณกินและสามารถควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
  5. ควรให้ร่างกายพักผ่อนเพียงพอ และนอนหลับอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ในช่วงเวลาที่ไม่ทำงาน
เรื่องนี้ถูกเขียนใน สุขภาพ และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร