ต่อมทอนซิล (Tonsils) เป็นกลุ่มของเนื้อเยื่อ ประเภทต่อมน้ำเหลือง มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิด ทำหน้าที่หลัก คือ การจับและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายสู่ทางเดินอาหาร หน้าที่รอง คือ การสร้างภูมิคุ้มกัน
สำหรับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับทอนซิล อาการบางอย่างจำเป็นต้องใช้วิธีที่เรียกว่า ทอนซิลเลคโตมี (Tonsillectomy) เป็นการผ่าตัดที่ทำกันมานาน แต่ทั้งนี้ในการแพทย์ปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดต่อมทอนซิลร่วมกับการดมยาสลบ ซึ่งจากการรายงานพบว่าใน 1 ปี มีคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดการอักเสบของทอนซิลเรื้อรังหรือทอนซิลขนาดโตที่อุดกั้นทางเดินหายใจนับล้านคน ถือเป็นเรื่องปกติและไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวลใจ ทั้งนี้การผ่าตัดต่อมทอนซิลไม่ได้ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง และไม่ได้ทำให้ร่างกายป่วยบ่อยอย่างที่หลายคนเข้าใจ ดังนั้นหากในผู้ที่มีอาการต่อมทอนซิลอักเสบบ่อย จนร่างกายทรุดโทรม สุขภาพย่ำแย่ เสียการเสียงาน การตัดต่อมทอนซิลออกจะช่วยแก้ปัญหาไม่ให้กลับมาป่วยอีก และทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น สรุปก็คือการตัดต่อมทอนซิลออกไม่มีข้อเสีย และไม่ทำให้เสียงเปลี่ยน เพราะต่อมทอนซิลไม่เกี่ยวกับการออกเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในปัจจุบันแพทย์ได้พัฒนาและนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากขึ้น นั่นคือการผ่าตัดโดยใช้ คลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบไร้ใบมีด อาศัยคลื่นความถี่ที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในระดับความถี่ โดยคลื่นความถี่นี้จะเปลี่ยนเป็นความร้อนสามารถจี้ห้ามเลือด และตัดเนื้อเยื่อบริเวณที่เครื่องมือจับหรือกดสัมผัสได้ ทำให้การผ่าตัดใช้เวลาสั้นลง เสียเลือดน้อย และระยะเวลาพักฟื้นน้อยกว่าวิธีอื่น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับต่อมทอนซิลควรรีบปรึกษาแพทย์ โดยมีข้อบ่งชี้อาการ ดังนี้
- เจ็บคอบ่อย ปีละ 3-4 ครั้ง เป็นประจำทุกปี
- เจ็บคอร่วมกับมีนิ่วทอนซิล
- เจ็บคอร่วมกับมีปัญหากลิ่นปาก
- เคยมีประวัติ ฝีหนองที่ทอนซิล
- เจ็บคอร่วมกับมีปัญหาต่อมน้ำเหลืองอักเสบบ่อย ๆ
- ทอนซิลโต ร่วมกับมีปัญหานอนกรน
ที่สำคัญควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยป้องกันโรคต่อมทอนซิลได้แล้ว ยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บอื่น ๆ ได้อีกด้วย